ข่าวสาร

โรคเบาหวาน..ไม่หวานสมชื่อ !!

โรคเบาหวาน..ไม่หวานสมชื่อ !! ที่บอกว่าไม่หวานสมชื่อเพราะนอกจากหุ่นที่อ้วนพีแล้ว บางทีแทบจะไม่มีอาการใดๆให้ได้สังเกตุกันเลยหล่ะครับ(หรือบางทีไม่อ้วนพีก็มีเบาหวานได้เช่นกัน) หมอจะขอแบ่งกลุ่มสัตว์เบาหวานหลักๆเป็น 2 กลุ่ม คือ “Happy and Hungry(Hyperglycemia) และ “Sick and Sad(Ketoacidosis)


  • กลุ่มแรกยังร่าเริงดี มีเพียงความหิวที่ถ้าไม่สังเกตุกันจริงจังก็แทบจะบอกไม่ได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กของเรามีเบาหวานตัวร้ายแฝงอยู่ ส่วนอีกกลุ่มที่ซึมลงและดูป่วยอย่างเห็นได้ชัดก็เพราะร่างกายดึงเอาพลังงานที่ได้จาการสลายไขมันมาใช้แทนพลังหลักจากน้ำตาลนั่นเอง

  • คำถามก็คือ อ้าว!!! คุณหมอค่ะ..เบาหวานคือโรคที่ร่างกายมีน้ำตาลมากเกินไปไม่ใช่หรือ? …คำตอบก็คือ ใช่ครับแต่พลังงานหลักจากน้ำตาลที่มีอยู่เต็มในกระแสเลือด(Hyperglycemia)นั้น ร่างกายไม่สามารถดึงไปใช้ได้นั่นเอง เมื่อมีการใช้พลังงานจากไขมันมากเข้า จะทำให้เลือดเกิดสภาวะเป็นกรด(Ketoacidosis) อันเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวเล็กของเราทรุดตัวลงนั่นเอง ดังนั้นในสัตว์ป่วยเบาหวานกลุ่มนี้จะมีความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงกว่ากลุ่มแรก และถ้านำส่งโรงพยาบาลเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินจากการช๊อคเพราะเลือดเป็นกรดที่เกิดขึ้นไม่ทันก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้เลยหล่ะ

  • หากสังเกตุดีๆ จะเห็นได้ว่ากลุ่มแรกกับกลุ่มที่สองนั้นเป็นระยะของเบาหวานที่ต่อเนื่องกันครับ เริ่มจากการที่ร่างกายใช้พลังงานจากน้ำตาลที่มีไม่ได้จึงต้องสลับไปพลังงานทดแทนจากไขมัน แม้โรคนี้จะใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวอยู่พอสมควรกว่าจะเกิดสภาวะที่เลือดเป็นกรด(Ketoacidosis) ก็อาจจะต้องมานั่งรักษาและคุมปัจจัยการใช้ชีวิตภายหลังด้วยความยากลำบากทีเดียว


          

ถึงตรงนี้เรามาพูดถึงวิธีการสังเกตุเบื้องต้นว่าเจ้าตัวเล็กของเรา ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่จะเป็นโรคเบาหวานกันดีกว่าครับ


1. การกินที่เพิ่มขึ้นดั่งพายุ : คะแนนร่างกายที่สูงลิบลิ่วประกอบกับการกินที่ดูเหมือนว่าจะกินเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยพอ นั่นก็เพราะว่าร่างกายมีน้ำตาลแต่เอาไปใช้หรือสร้างเป็นพลังงานไม่ได้ดังที่กล่าวไป

2. กินน้ำเพิ่มขึ้นและฉี่มากขึ้น : เมื่อมีน้ำตาลสูงในกระแสเลือด ส่งผลให้เลือดข้นหนืดขึ้นร่างกายจึงต้องดึงน้ำเข้ามาในหลอดเลือดเพื่อเจือจาง แล้วเมื่อน้ำในเลือดหรือเลือดมีปริมาตรมากขึ้น ร่างกายก็ต้องขับออกเป็นฉี่(ปัสสาวะ)ที่มากขึ้นอย่างสัมพันธ์กัน ส่งผลให้ร่างกายต้องการน้ำและวนกลับไปกินน้ำให้มากขึ้นตามมา / ปกติไตจะมีความสามารถในการดึงน้ำตาลกลับเข้าร่างกายที่จุดๆหนึ่ง เมื่อเกินจุดๆนั้น น้ำตาลก็จะหลุดออกมากับปัสสาวะหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าฉี่หวานเพราะมีมดนั่นเอง
3. นอกจากนี้อาการที่ต่อเนื่องกันมาเช่น ภาวะแห้งน้ำ ความดันสูง ต้อกระจก ปลายระยางค์ชาวางเท้าผิดรูป อาจจะต้องใช้ความชำนาญและเทคนิคทางการแพทย์ในการตรวจกับคุณหมอเพิ่มเติมครับ


ดังนั้นแล้ว หากเราเริ่มสงสัยว่าเจ้าตัวเล็กของเรามีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีภาวะเบาหวานรังควานอยู่ มาหาหมอเพื่อตรวจค่าน้ำตาลในกระแสเลือดและตรวจค่าน้ำตาลในฉี่กันเถอะครับ

รู้ไวรักษาไว เพื่อให้ทั้งตัวเจ้าของอุ่นใจ เจ้าตัวเล็กก็สบายกายไปพร้อมๆกันน่าจะดีที่สุด เนอะ!!  สำหรับวันนี้สวัสดีครับ 


บทความโดย

น.สพ.อภิสิทธิ์ นันทา (หมอแชยอน)


โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
Vet 4 Animal Hospital
Tel 02-119-4571-2 (สาขาสุขุมวิท)
Line: @vet4.suk31

ย้อนกลับ